พรีวิวเอฟเอ คัพ : เชลซี พบ เลสเตอร์ ซิตี้ (เสาร์ที่ 15 พ.ค.2564 เวลา 23.15 น.)

Exclusive ขอบสนามวิเคราะห์เกมส์

พรีวิวเอฟเอ คัพ : เชลซี พบ เลสเตอร์ ซิตี้ (เสาร์ที่ 15 พ.ค.2564 เวลา 23.15 น.)

ศึกเอฟเอ คัพนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งจะทำการแข่งขันกันในคืนวันเสาร์นี้ในเวลา 5 ทุ่ม 15 นาทีตามเวลาบ้านเรา ซึ่งเชลซีสามารถผ่านแมนเชสเตอร์ ซิตี้มาได้ในรอบรองชนะเลิศ 1-0 เช่นเดียวกันกับเลสเตอร์ ซิตี้ ที่เบียดเอาชนะเซาธ์แฮมป์ตันได้ในสกอร์เดียวกันในรอบรองชนะเลิศ ทำให้ทั้ง 2 ทีมต้องมาชิงชนะเลิศกันที่เวมบลี่ย์ในสัปดาห์นี้ ซึ่งทั้งคู่กำลังจะมีโปรแกรมเจอกันในลีกในวันอังคารหลังจากนี้อยู่แล้วด้วย และก็เป็น 2 ทีมที่กำลังแย่งชิงโควตาไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลหน้าด้วยกันอยู่พอดี แต่ช่วงนี้นั้นถือว่าเป็นช่วงขาขึ้นของทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” เลยก็ว่าได้ เพราะสถานการณ์ในลีกของพวกเขาในการลุ้นติดท็อปโฟร์นั้นก็ถือว่ากำลังไปได้สวย และมีโอกาสมากทีเดียว แถมยังได้เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย 2 รายการด้วย เพราะนอกจากเอฟเอ คัพรายการนี้แล้ว พวกเขายังได้เข้าไปชิงชนะเลิศกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีกด้วย และทีมของโธมัส ทูเคิ่ลได้รับคำชมเป็นอย่างยิ่งกับฟอร์มการเล่นในช่วงที่ผ่านมา ส่วนทางด้านของเลสเตอร์ ซิตี้นั้นถือว่าฟอร์มการเล่นขึ้นๆ ลงๆ พอสมควร เพราะจากที่สถานการณ์ในการลุ้นท็อปโฟร์ของพวกเขากำลังมั่นคงอยู่ดีๆ ในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ก็ดันมาสะดุด 2 นัดติดต่อกันในการเสมอกับเซาธ์แฮมป์ตันที่เหลือ 10 คนไป 1-1 และแพ้คาบ้านต่อนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดถึง 2-4 ทำให้ตอนนี้สถานการณ์ของพวกเขากลับมาไม่มั่นคงเท่าไหร่นัก

ผลงานการพบกันในช่วง 6 นัดหลังสุดที่ผ่านมาถือว่าน่าสนใจทีเดียว เพราะว่าเป็นทางเลสเตอร์ ซิตี้ที่ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย โดยพวกเขาเอาชนะเชลซีไปได้ 2 นัด และแพ้ให้กับทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” เพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น และเป็นการเสมอกันไปถึง 3 นัดทีเดียว โดยการพบกันนัดหลังสุดเกิดขึ้นเมื่อต้นปีในเดือนมกราคมที่ผ่านมาในยุคที่เชลซียังมีกุนซือเป็นแฟรงค์ แลมพาร์ด ซึ่งเลสเตอร์เปิดรังเอาชนะเชลซีไปได้ 2-0 และหลังจากนั้นกุนซือชาวเยอรมันก็เข้ามาแทนที่แลมพาร์ดพอดี ซึ่งเกมนี้หลายคนมองว่าเชลซีดูเป็นต่อ และมีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ไปครองได้มากกว่า แต่ฟุตบอลนัดเดียวแบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ และทีม “จิ้งจอกสยาม” ก็ไม่ได้เป็นทีมที่จะมองข้ามไปได้ เพราะหากว่าพวกเขาเล่นได้ท็อปฟอร์ม โอกาสที่พวกเขาจะพลิกล็อคคว้าแชมป์ได้ก็มีไม่น้อยทีเดียว ซึ่งคงต้อมมาลุ้นกันว่าใครจะสมหวังในการเป็นแชมป์เอฟเอ คัพในฤดูกาลนี้