จากแพงสุด สู่จุดที่ไม่มีใครเอา            

ขอบสนามวิเคราะห์เกมส์

แกเร็ธ เบล ปีกทีมชาติเวลส์เคยเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในโลกในตอนที่ย้ายจากท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ไปสู่เรอัล มาดริดเมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2013 หลังจากที่เขาทำผลงานได้อย่างสุดยอดให้กับทีม “ไก่เดือยทอง” ในการถูกโยกจากตำแหน่งแบ็คซ้ายมาเล่นเป็นตัวรุกริมเส้นทางฝั่งซ้ายในยุคของแฮร์รี่ เร็ดแน็ปป์ จนทำให้เขาก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะระดับโลก และถูกทีม “ราชันย์ชุดขาว” คว้าตัวไปร่วมทีมในที่สุด ซึ่งในช่วงแรกนั้นเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว แม้ว่าจะมีช่วงที่เขาหายหน้าไปเพราะอาการบาดเจ็บอยู่บ้าง แต่ในยามที่เขาลงสนามให้ทีมได้นั้นก็ทำประตูได้อยู่ตลอด และก็ทำประตูสำคัญๆ บ่อยด้วย ทั้งการลากไปยิงบาร์เซโลน่าในนัดชิงชนะเลิศศึกโกปา เดล เรย์ หรือว่าจะเป็นศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2018 ซึ่งทำได้ถึง 2 ประตูเลยทีเดียวในเกมนั้น และเป็นผู้เปลี่ยนเกมอย่างแท้จริง

แต่ในยุคของซีเนอดีน ซีดาน แกเร็ธ เบลนั้นเริ่มหลุดไปเป็นตัวสำรองอยู่บ่อยครั้ง เพราะเจ้าตัวก็มีอาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่ตลอด บวกกับกุนซือชาวฝรั่งเศสชอบใช้งานอิสโก้ เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติสเปนมาเล่นในตำแหน่งตัวรุกริมเส้นมากกว่า อีกทั้งยังมีมาร์โก อเซนซิโอ และลูคัส บาสเกซที่เป็นเด็กสร้างของซีดานอีกด้วย ทำให้แกเร็ธ เบลได้โอกาสลงสนามน้อยลงเรื่อย ซึ่งก่อนที่ซีดานจะเข้ามาคุมทีมนั้นเขาพึ่งได้ต่อสัญญาฉบับใหม่กับเรอัล มาดริดไป ซึ่งว่ากันว่าทำให้เบลได้ค่าเหนื่อยสูงถึงสัปดาห์ละ 6 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์เลยทีเดียว ซึ่งเป็นค่าเหนื่อยที่แพงเว่อร์มาก และตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของซีเนอดีน ซีดานแล้วด้วย ทำให้สโมสรต้องการจะปล่อยเขาออกจากทีมเพื่อลดเพดานค่าจ้างมาตั้งแต่ก่อนเริ่มฤดูกาลแล้ว แต่ว่าก็ไม่สามารถหาต้นสังกัดใหม่ให้ดาวเตะรายนี้ได้ เพราะว่าด้วยค่าเหนื่อยระดับครึ่งล้านต่อสัปดาห์นั้นไม่มีใครกล้าจ่ายอย่างแน่นอน และด้วยสภาวะที่ทุกทีมได้รับผลกระทบจากเชื้อโควิด 19 แบบนี้ด้วย หากว่าแกเร็ธ เบลไม่ยอมลดค่าเหนื่อยของเขาลงจากเดิม รับรองได้ว่าไม่มีทีมไหนจ่ายค่าเหนื่อยของอดีตดาวรุ่งของเซาธ์แฮมป์ตันรายนี้ได้อย่างแน่นอน ซึ่งถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีสำหรับดาวเตะวัย 30 ปีรายนี้ กับอนาคตในการค้าแข้งของเขา ที่มาถึงจุดที่ไม่มีใครเอาอย่างรวดเร็วเช่นนี้