“หงส์” ยังแกร่งได้มากกว่านี้!

ขอบสนามวิเคราะห์เกมส์

ทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลนี้ได้ทำผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยมในช่วง 29 นัดที่ผ่านมาของพรีเมียร์ลีก โดยพวกเขาเกือบรักษาสถิติไร้พ่ายได้แล้วด้วยซ้ำ แต่ว่าไปพลาดท่าพ่ายให้กับวัตฟอร์ด ทีมท้ายตารางเสียก่อน 0-3 ในนัดที่ 27 ของฤดูกาล ทำให้พวกเขาพลาดโอกาสในการทำสถิติไร้พ่ายเหมือนกับอาร์เซน่อลในฤดูกาล 2003-2004

แต่ถึงอย่างไรก็ตามสถิติของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ถือว่าสุดยอดมากๆ และขุมกำลังของเขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเกือบทุกตำแหน่ง แต่ถึงอย่างไรก็ตามทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ยังสามารถเสริมความแข็งแกร่งได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ หากว่าพวกเขาลงตลาดซื้อขายนักเตะหลังจบฤดูกาลนี้ โดยยังมีบางตำแหน่งที่พวกเขายังสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้อีก

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค สุดยอดกองหลังที่ดีที่สุดในเวลานี้ สัญชาติเนเธอร์แลนด์ ของลิเวอร์พูล

โดยเฉพาะคู่หูของเฟอร์กิล ฟาน ไดจค์ในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง ที่ตอนนี้ถึงแม้ว่าลิเวอร์พูลจะมีตัวเลือกอยู่ 3 คนทั้งเดยัน ลอฟเรน โจเอล มาติป และโจ โกเมซ แต่ว่าทั้ง 3 รายนั้นยังไม่ค่อยมีความสม่ำเสมอเท่าที่ควร และบางจังหวะหรือบางนัดยังต้องให้ปราการหลังชาวดัตช์คอยแบกอยู่เป็นประจำ ซึ่งลิเวอร์พูลยังหานักเตะที่แข็งแกร่งกว่านี้มาจับคู่กับกองหลังค่าตัว 75 ล้านปอนด์ได้ เพื่อความชัวร์ในแผงหลังที่มากขึ้น และน่าจะทำให้ทีมนิ่งขึ้นมาก และจะเสียประตูยากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน จากที่ตอนนี้ก็เป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีกอยู่แล้วด้วย

ในแผงกองหน้าก็เช่นเดียวกันที่ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะมี 3 ประสานอย่างโมฮาเหม็ด ซาล่าห์ โรเบร์โต้ ฟิร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่ ที่เล่นกันได้อย่างเข้าขารู้ใจ และลงตัวสุดๆ ก็ตาม แต่ขุมกำลังสำรองของทีมในตำแหน่งนี้นั้นถือว่ายังเบาเกินไป โดยพวกเขามีเพียงดิว็อค โอริกี้ กองหน้าชาวเบลเยี่ยมเป็นตัวสำรองลำดับแรกในตำแหน่งนี้


นอกนั้นก็มีทาคุมิ มินามิโนะ ตัวรุกทีมชาติญี่ปุ่น และเซอร์ดาน ชากิรี่ที่ไม่เข้ากับระบบของทีม ทำให้ตัวเลือกการเปลี่ยนตัวของเจอร์เก้น คล็อปป์นั้นไม่ดีเท่าที่ควร

หากพวกเขาหานักเตะที่ศักยภาพดีกว่านี้มาเสริมทัพได้ เพื่อเข้ามาเป็นตัวหมุนเวียนในแดนหน้า และหากว่าบอร์ดบริหารของทีม “หงส์แดง” ใจปล้ำซักหน่อยหลังจบฤดูกาลนี้โดยการให้งบเสริมทัพกับเจอร์เก้น คล็อปป์อีกก้อน เราอาจจะได้เห็นลิเวอร์พูลในเวอร์ชั่นที่ไร้เทียมทานเลยก็เป็นได้ในฤดูกาลหน้า ซึ่งอยู่ที่ลิเวอร์พูลแล้วว่าอยากจะแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้หรือไม่