นับตั้งแต่ที่เป็ป กวาดิโอล่า ยอดกุนซือชาวสเปนเข้ามาคุมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้เมื่อปี 2016 ทีม “เรือใบสีฟ้า” ก็ทุ่มเงินซื้อนักเตะเข้ามาสู่ทีมมากมาย โดยเฉพาะนักเตะในตำแหน่งกองหลังที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลงทุนมากเป็นพิเศษ เพราะแมนเชสเตอร์ ซิตี้มีปัญหาในตำแหน่งนี้มาโดยตลอด
ซึ่งหากนับนักเตะแนวรับรายล่าสุดอย่างรูเบ็น ดิอาส ปราการหลังทีมชาติโปรตุเกสที่ทุ่มเงินซื้อมาจากเบนฟิก้าก็เท่ากับว่าพวกเขาซื้อนักเตะในตำแหน่งกองหลังมาร่วมทีมถึง 8 รายเข้าไปแล้วในรอบ 5 ปี และรวมเป็นจำนวนเงินเกือบ 400 ล้านปอนด์เลยทีเดียวในการเสริมทัพเฉพาะแนวรับของเป็ป กวาดิโอล่า ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลเป็นอย่างยิ่งกับการแก้ไขแนวรับในช่วงที่ผ่านมา
โดยเริ่มแรกนั้นกุนซือรายนี้ไปดึงจอห์น สโตน กองหลังชาวอังกฤษจากเอฟเวอร์ตันมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 47.5 ล้านปอนด์ในซัมเมอร์แรกที่กุนซือชาวสเปนเข้ามาคุมทีม แต่ปีแรกนั้นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไม่มีถ้วยติดมือแม้แต่รายการเดียว
ทำให้ซัมเมอร์ต่อมาพวกเขาต้องเสริมแนวรับอีกครั้ง ด้วยการดึงแบ็งฌาแม็ง เมนดี้ แบ็คซ้ายฟอร์มดีจากโมนาโกในเวลานั้นมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 52 ล้านปอนด์
ไคลย์ วอร์คเกอร์จากท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 45 ล้านปอนด์ และดานิโล่ แบ็คชาวบราซิเลี่ยนจากเรอัล มาดริดในราคา 26.5 ล้านปอนด์
และในเดือนมกราคา 2018 ก็ไปสอยอเมริค ลาปอร์ก กองหลังจากแอธเลติก บิลเบามาร่วมทีมอีกรายด้วยการฉีกสัญญาค่าตัว 57 ล้านปอนด์
และซัมเมอร์ 2019 ก็ไปคว้าตัวชูเอา คันเซโร่ แบ็คจอมบุกชาวโปรตุกีสจากยูเวนตุสมาร่วมทีมอีกรายด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์ แม้ว่าจะมีดานิโล่แลกไปเป็นส่วนหนึ่งของค่าตัวก็ตาม
ในซัมเมอร์นี้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ยังเสริมแนวรับอีกถึง 2 รายคือนาธาน อาเก้ กองหลังชาวดัตช์จากบอร์นมัธ
และรูเบ็น ดิอาส เพื่อเข้ามาอุดรูรั่วในแนวรับฤดูกาลนี้ เพราะนักเตะตัวรับที่พวกเขาซื้อมาก่อนหน้านี้นั้นมีหลายรายที่มาตรฐานตกไป และไม่อยู่ในฟอร์มที่ดีเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นจอห์น สโตน และแบ็งฌาแม็ง เมนดี้ ทำให้เป็ป กวาดิโอล่าต้องเสียเงินก้อนโตอีกครั้งในซัมเมอร์นี้ ซึ่งแนวรับของพวกเขาเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกของทีมในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ทีมเสียแชมป์พรีเมียร์ลีกให้กับลิเวอร์พูลเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งปีนี้ต้องมาดูว่านักเตะใหม่จะสามารถช่วยให้ทีมมีแนวรับที่ดีขึ้นหรือไม่ในฤดูกาลนี้
