พรีวิวยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (วันพฤหัสบดีที่ 15 เม.ย.64 เวลา 02.00 น. – หลังเที่ยงคืนวันพุธ)

Exclusive ขอบสนามวิเคราะห์เกมส์

ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดที่ 2 ระหว่างโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ที่จะได้กลับไปเล่นในถิ่นซิกนัล เอดูน่า พาร์คของตนเอง ต้อนรับการมาเยือนของจ่าฝูงของศึกพรีเมียร์ลีกอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งนัดแรกทีม “เรือใบสีฟ้า” เฉือนเอาชนะมาได้ก่อน 2-1 ซึ่งพวกเขามาได้ประตูชัยในช่วงท้ายเกมจากฟิล โฟเด้น แต่การที่ดอร์ตมุนด์ยิงอเวย์ โกลได้จากมาร์โก รอยส์ ก็ทำให้เจ้าถิ่นยังมีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาเข้ารอบ ซึ่งพวกเขาต้องการผลชนะแค่เพียง 1-0 เท่านั้นก็จะพลิกผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งคู่ต้องการเข้าสู่รอบรองชนะเลิศต่อไป แต่ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน เพราะโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์อาจจะต้องการแชมป์ในรายการนี้ เพื่อที่จะได้โควต้ากลับมาเล่นในรายการนี้อีกครั้งในฤดูกาลหน้า เพราะสถานการณ์ในลีกของพวกเขากำลังตกที่นั่งลำบากทีเดียว ส่วนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ของเป็ป กวาดิโอล่าก็ต้องการที่จะเข้าไปให้ถึงรอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกหลังจากที่เขาเข้ามาคุมทีม เพราะก่อนหน้านี้ทำได้ดีที่สุดแค่เพียงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น และยอดกุนซือชาวสแปนิชก็ห่างจากความสำเร็จในรายการนี้ไปนานแล้วด้วย ทำให้เขาต้องการประสบความสำเร็จอีกครั้ง กับทีมที่ไม่ใช่บาร์เซโลน่า

ผลงานการพบกัน 6 นัดหลังสุดยังเป็นโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ที่ทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ โดยพวกเขาเก็บชัยชนะไปได้ 3 ครั้ง และแพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไป 2 ครั้ง รวมครั้งล่าสุดที่แพ้มาเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งในเกมแรกทีม “เสือเหลือง” สู้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ดีทีเดียว แม้ว่าจะครองบอลได้น้อยกว่ามากก็ตาม แต่พวกเขาก็สร้างโอกาสในการทำประตูได้ไม่เลว แค่มาพลาดท่าเสียประตูในช่วงท้ายเกมเท่านั้น แต่เกมนี้พวกเขาอาจจะเล่นแบบเดิมไม่ได้แล้ว เพราะด้วยสถานการณ์ที่ต้องการชัยชนะ ทำให้อาจจะต้องเปิดเกมรุกใส่ทีมเยือนมากกว่าในนัดแรก ซึ่งอาจจะไปเข้าทางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็เป็นได้ ที่พวกเขาน่าจะเล่นงานพื้นที่ว่างในแดนหลังของดอร์ตมุนด์ได้ง่ายขึ้น แต่ก็ถือว่าพวกเขาต้องเสี่ยง เพราะต้องการเพียงประตูเดียวเท่านั้น สถานการณ์ต่างๆ จะกลับมาเป็นดอร์ตมุนด์ที่ได้เปรียบทันที แต่ปัญหาก็คือกุนซือของทีมในตอนนี้คือเอดิน เทร์ซิค ที่แทบไม่มีประสบการณ์ในการคุมทีมมาก่อน ซึ่งทำให้การวางหมาก และการแก้เกมจะเป็นรองทีม “เรือใบสีฟ้า” ที่มีเป็ป กวาดิโอล่า ยอดกุนซือแห่งยุคคุมทีมอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งต้องมาดูกันว่าสุดท้ายแล้วทีมไหนที่จะผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกได้สำเร็จ