ข่าวที่กำลังมาแรงที่สุดในตลาดซื้อขายนักเตะหน้าร้อนตอนนี้ก็คือเรื่องของลิโอเนล เมสซี่ ยอดดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ที่มีข่าวหนาหูว่าต้องการที่จะย้ายออกจากถิ่นคัมป์ นูของบาร์เซโลน่า หลังจากที่อยู่กับทีมดังของแคว้นกาตาลุนญ่ามาเกือบ 20 ปีเลยทีเดียว
แต่ด้วยปัญหาด้านการบริหารในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้ลิโอเนล เมสซี่เริ่มไม่มีความสุขกับทีม “เจ้าบุญทุ่ม” เสียแล้วในตอนนี้ ทำให้เขาเริ่มหาทางที่จะย้ายออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากที่เริ่มมีปัญหาขัดแย้งกับบอร์ดบริหารของสโมสรมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงที่โควิด 19 เริ่มระบาดใหม่ๆ และบอร์ดบริหารมาให้ข่าวว่านักเตะไม่ยอมลดค่าเหนื่อย จนเมสซี่ต้องออกมาประกาศผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่าบรรดานักเตะยอมลดค่าเหนื่อยให้สโมสรถึง 70 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
และหลังจากนั้นมาก็มีปัญหากับบอร์ดบริหารของโจเซ็ป มาเรีย บาร์โตเมวมาโดยตลอด และพอบาร์เซโลน่ามีการเปลี่ยนแปลงกุนซือมาเป็นโรนัลด์ คูมันน์ กุนซือชาวดัตช์ที่เข้ามาคุมทีมในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งกุนซือรายนี้ก็ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงทีม และสร้างทีมใหม่ โดยอยากที่จะโละอำนาจมืดของลิโอเนล เมสซี่ออกจากทีมไป ทำให้เกิดข่าวลือหนาหูในเรื่องของการย้ายทีมขึ้นมา
แต่เอาเข้าจริงแล้วโอกาสในการย้ายทีมของลิโอเนล เมสซี่ไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่หลายๆ สื่อกำลังประโคมข่าวกันอยู่ในเวลานี้ ซึ่งอันที่จริงทุกสำนักข่าวก็รู้ดี แต่ว่ามันเป็นข่าวที่ขายได้ ทำให้เล่นกันทั่ว ซึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้การย้ายทีมของลิโอเนล เมสซี่ยากนั้นก็มาจากเรื่องเงินนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันเขารับเงินค่าเหนื่อยอย่างมหาศาลอยู่กับบาร์เซโลน่า โดยว่ากันว่าเขารับค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลกในสัญญาปัจจุบัน ซึ่งรวมค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ แล้วอยู่ในหลัก 8 แสนยูโรต่อสัปดาห์เป็นอย่างน้อยเลยทีเดียว ซึ่งตัวเลขจากหลายแหล่งข่าวอาจจะไม่ตรงกันนัก
แต่ที่แน่ๆ ด้วยค่าเหนื่อยเท่านี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่าโอกาสที่เขาจะไปรับค่าเหนื่อยเท่านี้กับต้นสังกัดใหม่นั้นมีความเป็นไปได้ยากมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ทุกทีมได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โควิด 19 ด้วยแล้ว ยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ลิโอเนล เมสซี่จะไปรับค่าเหนื่อยเท่าเดิมกับทีมใหม่ ซึ่งมีทางเดียวที่จะทำให้มีโอกาสย้ายทีมเกิดขึ้น ซึ่งก็คือเมสซี่ต้องยอมลดค่าเหนื่อยลงจากเดิมนั่นเอง ซึ่งก็ต้องมาดูว่าเขาจะยอมหรือไม่ในวัย 33 ปีแบบนี้
