ศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ที่ตอนแรกน่าจะเป็นการกลับมาดวลกันอีกครั้งของอดีตเจ้านายและลูกน้องระหว่างโชเซ่ มูรินโญ่ ที่จะต้อนรับการมาเยือนของแฟรงค์ แลมพาร์ด แต่สถานการณ์นั้นเปลี่ยนไปเมื่อแลมพาร์ดถูกปลดจากตำแหน่งกุนซือของเชลซีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้เกมนี้มูรินโญ่จะต้องมาดวลกึ๋นกับโธมัส ทูเคิ่ล กุนซือคนใหม่ชาวเยอรมันของทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” แทน ซึ่งก็ถือว่าน่าสนใจไปอีกแบบ เพราะว่าจะเป็นการโคจรมาพบกันเป็นครั้งแรกระหว่าง 2 กุนซือ โดยผลงานการพบกันของทั้ง 2 ทีมในช่วง 6 นัดหลังสุดเป็นทางเชลซีที่ทำผลงานได้ดีกว่า โดยพวกเขาไม่แพ้ให้กับทีม “ไก่เดือยทอง” เลยในช่วงที่ผ่านมา และชนะได้ถึง 4 นัด และเสมอ 2 นัด แต่ว่าเป็นการเสมอกันใน 2 นัดหลังสุดที่พบกัน ซึ่งการพบกันในฤดูกาลนี้ที่บ้านของเชลซีผลปรากฏว่าเสมอกันไป 0-0 ในช่วงปลายปีที่แล้ว ส่วนผลงานในแต่ละทีมในช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นทางสเปอร์ที่ทำได้ดีกว่า ถึงแม้ว่าจะมีสะดุดเสมอกับฟูแล่มไป 1-1 แต่โดยรวมก็ถือว่ายังยอดเยี่ยม ส่วนทางด้านเชลซีในลีกที่ผ่านมาถือว่านั้นถือว่าอาการไม่ดีนัก ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แฟรงค์ แลมพาร์ดถูกปลดจากตำแหน่งนั่นเอง
จุดแข็งของท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ของโชเซ่ มูรินโญ่ในตอนนี้นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นเกมรุกที่เล่นกันได้อย่างเข้าขาระหว่างแฮร์รี่ เคน กับซน ฮึงมิน ที่เล่นกันได้อย่างลงตัว แถมกองกลางอย่างต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ ก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเล่นในพรีเมียร์ลีกได้เรียบร้อยแล้ว ทำให้เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้แนวรุกของสเปอร์นั้นค่อนข้างอันตรายทีเดียว ส่วนทางด้านเชลซีของกุนซือโธมัส ทูเคิ่ลนั้นน่าจะยังอยู่ในช่วงปรับตัวของกุนซือ รวมถึงน่าจะกำลังหาระบบการเล่นที่เข้ากับลูกทีมให้ได้มากที่สุดในช่วงที่เหลือของฤดูกาล ซึ่งสิ่งที่น่าจับตามองของเชลซีหลังจากนี้คือต้องมาดูว่ากุนซือคนใหม่จะสามารถเรียกฟอร์มเก่งของ 2 ดาวเตะทีมชาติเยอรมันอย่างติโม แวร์เนอร์ และไค ฮาแวร์ตได้หรือไม่ เพราะช่วงที่ผ่านมาแฟรงค์ แลมพาร์ดไม่สามารถทำให้ 2 ดาวเตะตัวใหม่นี้ทำผลงานได้ดีเลย และการพบกันในเกมนี้ถือว่าเป็นการดวลกันของ 2 ทีมที่มีลุ้นพื้นที่ไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลหน้าด้วย โดยทางสเปอร์ตอนนี้ยังมีโอกาสถึงการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยซ้ำ ส่วนทางเชลซีนั้นแม้ว่าจะตามหลังโซนหัวตารางอยู่หลายคะแนน แต่หากกุนซือคนใหม่สามารถหาทีมที่ลงตัวได้ ก็ถือว่ายังมีโอกาสที่จะตามทัน
