“แมดดิสัน” หรือ “กรีลิช” ?

ขอบสนามวิเคราะห์เกมส์

มีการนำไปเปรียบเทียบกันอย่างกว้างขวางในช่วงที่ผ่านมา สำหรับเจมส์ แมดดิสัน เพลย์เมคเกอร์ของเลสเตอร์ ซิตี้ กับแจ็ค กรีลิช กัปตันทีมของแอสตัน วิลล่าว่าใครมีฝีเท้าที่ดีกว่ากัน เพราะดาวเตะทั้ง 2 รายนี้เหมือนว่าจะเป็นคู่แข่งในการแย่งกันติดทีมชาติอังกฤษในการสู้ศึกทัวร์นาเม้นต์รายการใหญ่ในเร็วๆ นี้ ซึ่งดีไม่ดีอาจจะแย่งกันเป็นตัวจริงของทีมชาติในยุคของแกเร็ธ เซาธ์เกตเลยด้วยซ้ำ เพราะนักเตะเจ้าของตำแหน่งตัวจริงเดิมอย่างเดเล่ อัลลี และเจสซี่ ลินการ์ดต่างพากันฟอร์มตกอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งว่ากันว่าหากว่าทัวร์นาเม้นต์ยูโร 2020 ไม่ถูกเลื่อนการแข่งขันออกไปเสียก่อน ทั้งแมดดิสัน และกรีลิชจะมีชื่อเป็น 2 ใน 23 นักเตะไปทำศึกทัวร์นาเม้นต์นี้อย่างแน่นอน เพราะในช่วงที่ผ่านมาพวกเขาสามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นกับต้นสังกัด ซึ่งเจมส์ แมดดิสันนั้นได้ก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อปีที่แล้ว ส่วนกรีลิชนั้นยังไม่เคยถูกเรียกติดทีมชาติเลยซักครั้ง

สาเหตุของการที่นักเตะ 2 รายนี้ถูกนำมาพูดถึง และเปรียบเทียบกันก็เพราะว่ามีข่าวว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังตัดสินใจว่าจะคว้านักเตะรายไหนไปร่วมทีมในช่วงปิดฤดูกาลนี้ แต่หลังจากที่ทีม “ปีศาจแดง” ไปคว้าตัวบรูโน่ แฟร์นันเดสมาจากสปอร์ติ้ง ลิสบอนได้สำเร็จ ก็ทำให้การเปรียบเทียบนั้นลดน้อยลงไปมาก เพราะบรูโน่ถือว่าเป็นตำแหน่งเดียวกับทั้งเจมส์ แมดดิสัน และแจ็ค กรีลิชนั่นเอง ทำให้มองกันว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอาจจะไม่เสริมทัพในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์อีกในซัมเมอร์นี้

แต่ก็ใช่ว่าจะมีเพียงทีมเดียวที่ให้ความสนใจ 2 นักเตะนี้ เพราะทั้งแมดดิสัน และกรีลิช ถือว่าเป็นนักเตะในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ระดับท็อปของพรีเมียร์ลีก ซึ่งมีลักษณะการเล่นที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก ซึ่งหากว่าสโมสรไหนกำลังต้องการนักเตะตำแหน่งนี้ก็คงต้องมองไปที่พวกเขาเหล่านี้อย่างแน่นอน ซึ่งจุดเด่นของ 2 คนนี้ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตรงที่แมดดิสันนั้นมีการเล่นลูกนิ่งที่ค่อนข้างแม่นยำ และการเปิดบอลก็อันตรายด้วย ส่วนแจ็ค กรีลิชนั้นจะดีกว่าตรงที่เขาสามารถเลี้ยงหลบคู่แข่งได้ และด้วยคาแร็คเตอร์การเป็นกัปตันทีม และเป็นผู้นำทีมได้ด้วย ซึ่งเหมือนกับสินค้า 2 ชิ้นที่มีจุดขายที่ต่างกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วไม่ว่าใครจะได้ย้ายทีมก่อน ก็ไม่ใช่ว่าคนนั้นจะเป็นคนที่เก่งกว่า เพราะผู้ซื้อจะมองหาสิ่งที่ทีมตัวเองขาด และจำเป็นกับทีมตัวเองมากกว่า