ในช่วงที่ทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมานั้น บรรดาสโมสรฟุตบอลลีกต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงเช่นกัน เพราะกีฬาฟุตบอลไม่สามารถจัดการแข่งขันกันได้ทั่วโลกมาตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งทำให้ทีมต่างๆ สูญเสียรายได้อย่างมหาศาลตามความใหญ่ของทีม และของแต่ละลีก ซึ่งว่ากันว่าศึกพรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดจากการที่ฟุตบอลไม่สามารถทำการแข่งขันได้ในช่วงที่ผ่านมา เพราะพวกเขาเป็นลีกที่มีการขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดไปทั่วโลกนั่นเอง ซึ่งในช่วงที่ฟุตบอลไม่สามารถแข่งขันได้ตามโปรแกรม ก็ทำให้ทีมต่างๆ ที่ได้เงินในส่วนนี้ไปแล้วอาจจะต้องคืนทางพรีเมียร์ลีกไปด้วย ซึ่งแม้ว่าจะกลับมาแข่งขันกันต่อได้อีกครั้ง แต่ทีมต่างๆ ก็ยังจะต้องจ่ายบางส่วนคืนให้ทางพรีเมียร์ลีกอยู่ดี ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงทีมในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น แต่ทีมยักษ์ใหญ่ของทวีปยุโรปอย่างยูเวนตุส และบาร์เซโลน่า ก็เป็นทีมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา จนถึงขั้นที่บอร์ดบริหารต้องเจรจาขอให้นักเตะในทีมยอมลดค่าเหนื่อยเลยทีเดียว
ว่ากันว่าในตลาดซื้อขายนักเตะที่จะเกิดขึ้นหลังจบฤดูกาลนี้ มีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่น่าจะพร้อมลงสู่ตลาดซื้อขายนักเตะตามปกติ ซึ่งก็คือเชลซี และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 ทีมจากเกาะอังกฤษนั่นเอง และอาจจะรวมไปถึงปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมมหาเศรษฐีจากลีก เอิงของฝรั่งเศสด้วย ซึ่งพวกเขาเป็นทีมที่มีเจ้าของสโมสรร่ำรวยที่สุดทีมหนึ่งของโลก แต่ก็ต้องมาดูว่าพวกเขาจะยังเหลืองบในการใช้จ่ายอีกเท่าไหรี่จะไม่ทำให้พวกเขาผิดกฎไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์เหมือนอย่างที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ ซึ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับเชลซียังไม่มีปัญหาในส่วนนี้ โดยทีม “ปีศาจแดง” ถูกยกให้เป็นทีมหนึ่งที่มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินมากที่สุดในเวลานี้ ส่วนเชลซีนั้นก็มีโรมัน อบราโมวิชเป็นเจ้าของสโมสร และยังไม่ต้องห่วงกับการใช้เงินของทีมมากนัก ซึ่งพวกเขาก็ยังเหลือเงินถึง 100 ล้านยูโรจากการที่ขายเอแดน อาซาร์ ตัวรุกคนเก่งไปให้กับเรอัล มาดริดในช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว ทำให้พวกเขายังเหลืองบประมาณก้อนโตในฤดูกาลนี้ ซึ่งทั้ง 2 ทีมนี้ยังน่าจะเป็นทีมที่ใช้เงินซื้อนักเตะเกิน 100 ล้านปอนด์อย่างแน่นอนหลังจบฤดูกาลนี้ แต่จะมีทีมอื่นที่ยังมีกำลังทรัพย์หรือไม่ คงต้องมาลุ้นกัน
